การที่ครูและนักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยมีเครื่องแบบที่แตกต่างไปจากโรงเรียนอื่น ๆ นั้น
เป็นเพราะในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น
ทั้งครูและนักเรียนโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์ทั้ง ๔ แห่ง
คือ โรงเรียนมหาดเล็กหลวง ราชวิทยาลัย
มหาดเล็กหลวงเชียงใหม่ และพรานหลวง
ล้วนมีฐานะเป็นข้าราชการกรมมหาดเล็ก และอยู่ในบังคับ กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยครอบครัวในพระราชสำนัก
ทั้งสิ้น
แต่ส่วนราชการกรมมหาดเล็กในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น
ก็เป็นส่วนราชการพิเศษในพระองค์ที่มิได้ขึ้นอยู่ในกระทรวงทบวงการใด ๆ
ทั้งสิ้น
หากแต่เป็นส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เหตุที่กรมมหาดเล็กเป็นส่วนส่วนราชการพิเศษเช่นนั้น
ทรงพระราชบันทึกไว้ใน ประวัติต้นรัชกาลที่ ๖ ว่า
เมื่อแรกเสด็จขึ้นครองราชย์ใน พ.ศ. ๒๔๕๓ นั้น
เสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติได้ขอให้ทรงแยกรายจ่ายส่วนพระองค์ออกจากการใช้จ่ายเงินแผ่นดิน
เมื่อทรงตกลงแยกการใช้จ่ายส่วนพระองค์ออกไปจากการใช้จ่ายเงินแผ่นดินแล้ว
กระทรวงวังซึ่งเป็นส่วนราชการที่มีหน้าที่รับผิดชอบการพระราชพิธีต่าง ๆ
และกรมมหาดเล็กซึ่งมีหน้าที่รับใช้ส่วนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จึงถูกแยกออกจากส่วนราชการทั้งหลายเป็นส่วนราชการในพระองค์
และเพื่อจะแยกให้เห็นได้ชัดแต่ไกลว่าผู้ใดเป็นข้าราชการพลเรือนในพระราชสำนักและผู้ใดเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ข้าราชการในพระราชสำนักใช้แผ่นทาบคอเสื้อที่เราเรียกกันติดปากว่า
แผงคอ
แทนการติดอินทรธนูขวางปลายบ่าแบบข้าราชการพลเรือนสามัญ
นอกจากนั้นยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้แยกเครื่องประกอบเครื่องแต่งกายของข้าราชการพลเรือนในพระราชสำนักให้เด่นชัดยิ่งขึ้น
คือ ข้าราชการกระทรวงวังโปรดให้สวมเสื้อดำปักดิ้นทอง
หรือเสื้อขาวติดดุมทอง แผงคอพื้นดำทาบแถบทอง
และกางเกงดำแถบทอง
ส่วนข้าราชการกรมมหาดเล็กนั้นโปรดให้เปลี่ยนเสื้อและกางเกงเป็นสีน้ำเงิน
ลายปัก ดุม และแถบต่าง ๆ เปลี่ยนเป็นเงิน
เครื่องแบบครูและนักเรียนวชิราวุธวิทยาลัยในปัจจุบันจึงมีที่มาต่อเนื่องมาจากเครื่องแบบข้าราชการกรมมหาดเล็กในสมัยรัชกาลที่
๖
ถึงแม้ครูและนักเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์จะมีฐานะเป็นข้าราชการพลเรือนในพระราชสำนักดังได้กล่าวแล้ว
แต่เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์ พ.ศ. ๒๔๖๑ ขึ้นแล้ว
และในพระราชบัญญัติดังกล่าวได้กำหนดให้โรงเรียนราษฎร์ที่เปิดการสอนอยู่ก่อนที่พระราชบัญญัติฉบับนั้นจะมีผลบังคับใช้
ให้ยื่นความจำนงต่อเสนาบดีกระทรวงธรรมการเพื่อจะดำรงโรงเรียนต่อไป
เมื่อกระทรวงธรรมการได้ตรวจสอบคำร้องและหลักฐานประกอบแล้วก็จะออกประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้โรงเรียนนั้น
ๆ เปิดการสอนต่อไป
|