๙.
รับ-ส่งเสด็จ (๑)
เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคมที่ผ่านมา
ชมการถ่ายทอดทางโทรทัศน์เห็นภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินผ่านแถวนักเรียนที่รอรับเสด็จอยู่ที่ริมถนนราชวิถีแล้ว
ช่างเป็นภาพที่น่าปลาบปลื้มและชวนให้ระลึกบทพระราชนิพนธ์ในล้นเกล้าฯ
รัชกาลที่ ๖ ที่ว่า
กตัญญูฝังจิตติดวงใจ จนเติบใหญ่ไม่จางไม่บางเบา
เรื่องการตั้งแถวรับ -
ส่งเสด็จนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งเคยเกิดขึ้น
นักเรียนวชิราวุธรุ่นก่อนและรุ่นใกล้เคียงกับผู้เขียน
ล้วนเคยชินกับการตั้งแถวรับ - ส่ง
เสด็จ ซึ่งถือว่าเป็นหน้าที่สำคัญยิ่งกว่าการเรียนหนังสือ
เพราะขาดเรียนก็แค่ถูกลงโทษ นั่งกรงลิงบ้าง
ยืดเครื่องหมายสามารถบ้าง
หรือให้มารายงานตัวกับท่านผู้บังคับการก่อนเข้าเรียนชั่วโมงหนึ่ง
ซึ่งมีเพื่อนผมคนหนึ่งเคยทำสถิติรายงานตัวตอน ๖
โมงเช้ามาแล้ว แต่ขาดภารกิจไปรับหรือส่งเสด็จนั้น
ความผิดร้ายแรงถึงขั้นไล่ออก เพราะไม่จงรักภักดีเลยทีเดียว
เรื่องนี้ผู้เขียนมีประสบการณ์กับตัวเอง
ที่จวนเจียนจะโดนตัดไฟแต่ต้นลมเสียตั้งแต่ประถม ๕
แต่คงจะเป็นเพราะจะต้องเป็นข้ารับใช้เบื้องพระยุคลบาทมาจนถึงทุกวันนี้
วันนั้นเลยแค่โดนฝ่ามือพิฆาตเป็นคนแรกของรุ่น
แต่ก็คุ้มที่ไม่ต้องเดินไปเหมือนคนอื่นๆ
เพราะได้นั่งรถเบนซ์ไปลงที่หน้าประตูสวนจิตรลดาเลยทีเดียว
การรับส่ง - เสด็จนี้
เป็นหน้าที่สำคัญของนักเรียนวชิราวุธมาตั้งแต่แรกตั้งโรงเรียนมหาดเล็กหลวงเลยทีเดียว
เริ่มจากเมื่อทรงตั้งกองลูกเสือ
และลูกเสือโรงเรียนมหาดเล็กหลวงได้ทำพิธีเข้าประจำกองเป็นกองลูกเสือกองแรกของประเทศไทย
และได้รับพระราชทานนามว่า กองลูกเสือหลวง เมื่อวันที่ ๒
กันยายน พ.ศ. ๒๔๕๔ แล้ว รุ่งขึ้นวันที่ ๓ กันยายน
เสด็จพระราชดำเนินไปประทับแรมที่พระราชวังสนามจันทร์
ก็โปรดให้ลูกเสือหลวงตามเสด็จไปพักอยู่ที่เรือนพระมนูที่พระราชวังสนามจันทร์ด้วย
เนื่องจากโปรดเกล้าฯ ให้นักเรียนไปตามเสด็จคราวนั้น
ท่านผู้ปกครองนักเรียนที่ท่านส่งบุตรหลานมาเรียนที่โรงเรียนก็พากันไปร้องกับเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี
(สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา)
ซึ่งเวลานั้นเป็นกรรมการจัดการโรงเรียนว่า
ท่านผู้ปกครองเหล่านั้นส่งนักบุตรหลานมาเรียนที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงก็เพื่อให้มาเรียนหนังสือ
ไม่ได้ส่งมาให้ไปตามเสด็จจนเสียเวลาเล่าเรียน
เมื่อเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี
นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท
ก็มีพระราชกระแสตอบกลับลงมาว่า
เมื่อเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี
นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท
ก็มีพระราชกระแสตอบกลับลงมาว่า
ความตั้งใจฃองฃ้าที่ให้นักเรียนมหาดเล็กไปตามเสด็จนั้น
อันที่จริงตั้งใจให้ไปแต่เฉพาะผู้ที่เปนนักเรียนหลวง
คือเด็กที่ฃ้าออกเงินค่าเล่าเรียนให้เองเท่านั้น
เพราะเด็กเหล่านี้ฃ้าถือว่าฃ้าเปนผู้ปกครองอยู่เอง
จึ่งไม่ต้องถามผู้ ๑ ผู้ใดก่อน
การที่ให้ตามเสด็จก็ด้วยความประสงค์อันดี
คือประสงค์จะให้เด็กได้มีโอกาสรู้จักคุ้นเคยเฃ้าเจ้าเฃ้านายได้แต่เล็กอย่าง
๑ ประสงค์จะให้ได้มีโอกาสได้เฃ้าที่สมาคมอันดี
เพื่อจะได้เปนประโยชน์แก่ตัวเด็กต่อไปภายน่าอย่าง
๑
ประสงค์ให้ได้มีโอกาสเห็นเมืองไทยนอกจากบางกอก
จะได้ไม่หลงไปว่าเมืองไทยหมดอยู่เพียงบางกอก
ซึ่งจะทำให้คนกลายเปนกบอยู่ใต้กลาครอบอย่าง ๑
ฃ้ามีความประสงค์อยู่เช่นนี้เปนที่ตั้ง
จึ่งได้ให้นักเรียนของฃ้าตามเสด็จ
โดยความเชื่ออยู่ในใจว่าจะเปนประโยชน์แก่ตัวเด็ก
และจะนับเนื่องเฃ้าในการศึกษาของเด็กส่วน ๑
ก็ได้
เจ้าย่อมรู้อยู่แล้วว่าฃ้าไม่เห็นด้วยในการที่คนไทยรุ่นใหม่จะมุ่งแต่เปนเสมียนอย่างเดียว
เพราะฉะนั้นจึ่งอยากให้การศึกษาของเด็กเปนไปในทางอื่นๆ
นอกจากทางเรียนหนังสืออย่างเดียว
ในชั้นต้น
เมื่อยังมิได้มีกองลูกเสือขึ้น
ก็ไม่เคยได้มีปัญหาอันใดในการที่นักเรียนไปตามเสด็จ
เพราะคงมีตามเสด็จแต่เฉพาะนักเรียนซึ่งฃ้าปนผู้ปกครองเองเท่านั้น
ครั้นต่อมาเมื่อมีลูกเสือขึ้นที่โรงเรียนมหาดเล็ก
จึ่งเกิดมีธรรมเนียมขึ้นว่า
ใครเปนลูกเสือได้ตามเสด็จ
ดังนี้จึ่งเกิดมีเด็กที่เปนนักเรียนสมัคตามเสด็จไปด้วย
ที่ฃ้ามิได้ทักท้วงประการใดขึ้นก่อนนี้
ก็เพราะเฃ้าใจว่าผู้ที่ไปนั้นสมัคจะไป
และผู้ปกครองของเด็กก็เต็มใจให้ไป
ทั้งฃ้าเห็นว่าถึงแม้เด็กจะมิใช้ผู้ที่ฃ้าปกครองโดยเฉพาะก็ดี
ควรได้รับความสม่ำเสมอกับนักเรียนหลวงผู้เปนลูกเสืออยู่ด้วยกันนั้น
แต่เมื่อมาปรากฏว่าผู้ปกครองของนักเรียนสมัคบางคนเห็นว่าการตามเสด็จเปนอันเสียเวลาเล่าเรียนส่วน
๑ ฉะนี้
ฃ้าก็ไม่อยากจะกระทำความไม่พอใจให้แก่ผู้ ๑
ผู้ใดเลยเปนอันฃาด เพราะฉะนั้นแต่นี้ต่อไป
ให้ถือเปนธรรมเนียมดังนี้ คือ
๑. ถ้าแม้มีเสด็จพระราชดำเนินประพาศแห่งใดๆ
และโปรดเกล้าฯ ให้นักเรียนตาม
เสด็จได้
ให้โรงเรียนมหาดเล็กจัดให้แต่เฉพาะนักเรียนหลวง
คือผู้ที่พระราชทานพระราชทรัพย์เปนค่าเล่าเรียนและทรงเปนผู้ปกครองเองนั้น
ตามเสด็จไป
๒.
ถ้านักเรียนสมัคผู้ใดมีความประสงค์จะตามเสด็จต้องยื่นใบสมัค
และให้มี
จดหมายจากผู้ปกครอง
ขอฝากเด็กนั้นให้ตามเสด็จด้วย
ให้กรรมการผู้อำนวยการฤาอาจารย์ใหญ่นำความกราบบังคมทูล
เมื่อได้รับพระบรมราชานุญาตแล้ว
จึ่งจะยอมให้นักเรียนผู้นั้นตามเสด็จได้
๓.
ถ้าแม้เสด็จไปประทับแรมอยู่แห่งใดมีกำหนดนานวัน
และผู้ปกครองของนักเรียนสมัคผู้ที่ได้ตามเสด็จไปนั้นจะมีความประสงค์ให้นักเรียนกลับเมื่อใด
ก็ต้องอนุญาตให้กลับโดยทันที
ไม่จำเปนที่จะต้องรอเสด็จกลับ
ข้อบังคับเหล่านี้
ตลอดทั้งความปรารภของฃ้าในเบื้องต้นแห่งจดหมายนี้
ให้พระยาไพศาลคัดบอกไปยังผู้ปกครองนักเรียนสมัคให้ทราบทั่วกัน
ขออย่าให้เฃ้าใจผิดกันอีกต่อไปเลย [๑]
|
|