"รุ่งขึ้นจากวันที่เสด็จพระราชดำเนินกลับมา
คือเมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม เวลาหลังพระกระยาหารค่ำ
ได้ "เสด็จลงที่บ้านเมืองเล็กๆ ดูแลจับจองบ้าน"
วันนี้จึงเป็นวันกำเนิดดุสิตธานี, แต่คำว่า "ดุสิตธานี"
นั้นดูเหมือนจะไม่มีใครเคยได้ยิน จนกระทั่งวันที่
๒๕ กรกฎาคม เมื่อ "พระเจ้าอยู่หัวเสด็จที่เมืองดุสิตธานี
กะและสร้างคลอง, ถนนที่บ้านเมืองใหม่อีก"
" [๒]
เมื่อดุสิตธานีมีอายุได้สามเดือน
และแม้ว่าการร่าง "ธรรมนูญลักษณ
ปกครองคณะนคราภิบาลดุสิตธานี"
ยังไม่แล้วเสร็จ แต่ก็มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
ให้มีการเลือกตั้งนคราภิบาลครั้งแรกของดุสิตธานีขึ้น
เมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๑
และพระยาสุจริตธำรง (โถ สุจริตกุล)
รองอธิบดีกรมชาวที่
ได้รับเลือกเป็นนคราภิบาลคนแรกของดุสิตธานี
ในภาพท่านนคราภิบาลผู้มี สัก
มีรอยสักที่ข้อมือขวาเป็นอักษรพระบรมนามาภิไธยย่อ
ว.ป.ร.พระมหามงกุฎ หมายว่าท่านนคราภิบาลผู้นี้เป็น
"คนหลวง" คือ ผู้ที่ได้ถวายตัว
เป็นข้าราชสำนักในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
โดยได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กข้าหลวงเดิมมาตั้งแต่
พ.ศ. ๒๔๔๘
ภาพนี้ท่านนคราภิบาลผู้มีสักแต่งชุดพลเรือน
สวมเสื้อราชปะแตน นุ่งโจง
สวมรองเท้าหนังดำแบบราชการ (Court Shoes)
สวมหมวกและเสื้อครุยประดับสังวาล
เช่นเดียวกับเครื่องยศของผู้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี
หรือ Lord Mayor ในนครต่างๆ ของยุโรป
มือซ้ายยืนเท้าโต๊ะวางขวดและแก้วเมรัย
ซึ่งเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของโฮเต็ลเมโทรโปล
และเนื่องจากในเมืองจำลองดุสิตธานีนั้นมีแต่บ้านเล็กเมืองน้อยที่คนไม่สามารถเข้าไปอยู่ได้
คงมีเฉพาะห้องบิลเลียดซึ่งสมมติเป็น "โฮเต็ลเมโทรโปล"
ที่เป็นอาคารเพียงแห่งเดียวที่ทวยนาครของดุสิตธานีสามารถใช้เป็นที่ประชุมเลือกนคราภิบาลและเชษฐบุรุษ
รวมทั้งเป็นสโมสรที่ทวยนาครสามารถเข้าไปพักผ่อนได้จริง
ห้องบิลเลียดนี้จึงเป็นเสมือนศาลารัฐบาลมณฑลดุสิตราชธานีด้วย
|