ฉลองพระองค์พระบรมราชูปถัมภกที่พระเจ้าพี่ยาเธอ
กรมพระจันทบุรีนฤนาถ
อภิรัฐมนตรีและกรรมการกิตติมศักดิ์วชิราวุธวิทยาลัยเชิญขึ้นทูลเกล้าฯ
ถวายนั้น ก็คือ ฉลองพระองค์อาจารย์
ซึ่งโรงเรียนมหาดเล็กหลวงได้ทูลเกล้าฯ
ถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นปฐมเมื่อวันที่
๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๖
ปัจจุบันฉลองพระองค์พระบรมราชูปถัมภกในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวนี้คงเก็บรักษาไว้
ณ พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ
ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๗๒ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้เลื่อนงานประจำปีของโรงเรียนมาจัดในวันที่ ๑๒
พฤศจิกายน แล้วจึงได้จัดงานประจำปีของโรงเรียนในวันที่
๑๒
พฤศจิกายนต่อเนื่องกันมาจนถึงครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่
๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๕
งานประจำปีของวชิราวุธวิทยาลัยในปีต่อๆ
มาคงมีรูปแบบการจัดงานเช่นเดียวกับใน พ.ศ. ๒๔๗๑
มีรายการที่เพิ่มมาจากปีก่อนหน้าคือ ใน พ.ศ. ๒๔๗๒
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานเสื้อครุยแก่กรรมการอำนวยการ อาจารย์และครู
กับใน พ.ศ. ๒๔๗๓
เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดหอนาฬิกาที่คณะละครไทยเขษมจัดสร้างเป็นที่ระลึก
ถวายเป็นพระราชกุศลอุทิศแด่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
กับเริ่มมีการพระราชทานประกาศนียบัตรแก่นักเรียนที่สอบไล่ได้ชั้นมัธยมปีที่
๘ ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียน (เมื่อแรกรวมโรงเรียนใน
พ.ศ. ๒๔๖๙ นั้น
โรงเรียนเปิดสอนชั้นสูงสุดเพียงชั้นมัธยมปีที่ ๖
ปีถัดมาจึงขยายการเรียนการสอนถึงชั้นมัธยมปีที่ ๗ และ
๘ มาเป็นลำดับ)
การกีฬาที่แข่งขันหน้าพระที่นั่งในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น
จะมีกีฬาประเภทใดบ้างนั้นไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด
แต่คงจะเป็นการแข่งขันกันในระหว่างคณะ
เพราะโรงเรียนราชวิทยาลัยซึ่งเคยเป็นคู่แข่งขันของโรงเรียนมหาดเล็กหลวงได้ถูกยุบรวมเข้ากับโรงเรียนมหาดเล็กหลวงแล้ว
ในชั้นนี้คงพบหลักฐานแต่เพียงว่า ใน พ.ศ. ๒๔๗๕
มีการแข่งขันรักบี้ฟุตบอลระหว่างคณะนักเรียนเก่ากับนักเรียนปัจจุบัน
ซึ่งมีบันทึกด้วยว่า
เป็นการแข่งขันรักบี้ฟุตบอลหน้าพระที่นั่งเป็นครั้งแรก
ภายหลังการแข่งขันรักบี้ฟุตบอลครั้งประวัติศาสตร์ที่มีบันทึกว่าเป็นการแข่งขันรักบี้ฟุตบอลระหว่างคนไทยด้วยกันเองเป็นครั้งแรกแล้ว
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวยังได้พระราชทานพระบรมราโชวาทถึงกีฬารักบี้ฟุตบอลที่ได้ทอดพระเนตรในวันนั้นไว้ว่า
"วันนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นนักเรียนไทยเล่นฟุตบอลล์รักบี้
ฟุตบอลล์อย่างนี้เคยมีคนพูดว่า ไทยเราเล่นไม่ได้
เพราะถ้าเล่นเข้าก็ได้ต่อยกันตาย
แต่วันนี้ก็เห็นเล่นได้โดยเรียบร้อย
ซึ่งแปลว่าโรงเรียนนี้
สามารถฝึกหัดให้นักเรียนมีน้ำใจเป็นนักกีฬาแท้ได้จริงๆ
นี่เป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกปลาบปลื้มมาก" [๔]
อนึ่ง
ทุกคราวที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาในงานประจำปีของวชิราวุธวิทยาลัยนั้น
จะได้พระราชทานพระบรมราโชวาทเป็นเครื่องเตือนใจครูและนักเรียนทุกคราว
พระบรมราโชวาทที่พระราชทานนั้นมักจะทรงหยิบยกลักษณะสำคัญของปับลิคสกูลในอังกฤษมาพระราชทาน
เช่น
พ.ศ. ๒๔๗๑
ทรงกล่าวถึงหลักทั่วไปของพับลิคสกูลที่ให้เด็กปกครองกันเองมากที่สุด
ครูทำหน้าที่สอนแต่ในห้องเรียนเท่านั้น
รวมทั้งเรื่องของแปลกในพับลิคสกูลที่มุ่งเน้นฝึกหัดนักเรียนให้รู้จักเรื่องของสิทธิและหน้าที่
พ.ศ. ๒๔๗๒
ว่าด้วยเด็กในโรงเรียนมีหน้าที่ดูแลกันเองเพียงไร
พ.ศ. ๒๔๗๓ ว่าด้วย Tradition ในพับลิคสกูล
พ.ศ. ๒๔๗๔
ว่าด้วยเรื่องการกีฬาและการปลูกฝังน้ำใจนักกีฬา
แต่พระบรมราโชวาทที่พระราชทานเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน
พ.ศ. ๒๔๗๕
นอกจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจะทรงเน้นย้ำถึงหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ซึ่งประเทศสยามได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบราชาธิปไตยมาเป็นประชาธิปไตย
เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายนแล้ว
ยังได้ทรงกล่าวถึงการอบรมนักเรียนในพับลิคสกูลซึ่งชาวอังกฤษมักยกย่องว่า
พับลิคสกูลสร้างคนที่มีคุณภาพออกมารองรับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ทั้งนี้พระบรมราโชวาทที่กล่าวถึงนั้นมีเนื้อความตอนหนึ่งดังนี้
|