โดย อ.วรชาติ มีชูบท

บทความปัจจุบัน | บทความย้อนหลัง : ตอนที่ - ๒๐ | ๒๑ - ๔๐ | ๔๑ - ๖๐ | ๖๑ - ๘๐ | ๘๑ - ๑๐๐ | ๑๐๑ - ๑๒๐ | ๑๒๑ - ๑๔๐ |

| ๑๔๐ - ๑๖๐ | ๑๖๑ - ๑๖๖ |

ก่อนหน้า  |  ๗๑  |  ๗๒  |  ๗๓  |  ๗๔  |  ๗๕  |  ๗๖  |  ๗๗  |  ๗๘  |  ๗๙  |  ๘๐  |  ถัดไป  |

 

๗๙. รมกองเสือป่า (๔)

 

 

          อนึ่ง เมื่อทรงพระมหากรุณารับเป็นผู้บังคับการพิเศษกรมเสือป่ารักษาดินแดนต่างๆ แล้ว ได้โปรดเกล้าฯ ให้ขนานนามกองร้อยที่ ๑ กรมเสือป่าที่ทรงเป็นผู้บังคับการพิเศษเป็นกองรักษาพระองค์ เช่น "กองร้อยที่ ๑ รักษาพระองค์กรมเสือป่ารักษาดินแดนมณฑลนครศรีธรรมราช" ต่อมาทรงพระราชดำริว่า การออกนามกองเสือป่าเช่นที่กล่าวมานั้น "ยังไม่เปนระเบียบอันดี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนขนานนามกองรักษาพระองค์ว่า "กองหลวง" เช่นกองร้อยหลวงกรมเสือป่ารักษาดินแดนนครศรีธรรมราช ดังนี้เปนต้น (ไม่ต้องขนานนามเลขกองร้อยคือกองร้อยหลวงนั้นเองเปนกองร้อยที่ ๑)"  [] มาตั้งแต่วันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๘ และในคราวเดียวกันนั้นได้มีพระราชดำริว่า กองเสนารักษาดินแดนกรุงเทพฯ ซึ่งแต่เดิมจัดให้เป็นกองรักษาพระองค์ทั้งกองเสนานั้น "ยังไม่เหมาะแก่น่าที่"  [] จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนแปลงเป็นดังนี้

 

          "กรมที่ ๑ ให้เปนกรมหลวงกองเสนารักษาดินแดนกรุงเทพฯ (เฉภาะกรมเดียวและแต่งกายตามกำหนดเดิม) ส่วนกรมที่ ๒ แลกรมที่ ๓ นั้นคงเปนกรมรักษาดินแดน ให้เรียกว่า

 

          "กรมที่ ๒ กองเสนารักษาดินแดนกรุงเทพฯ"

 

          "กรมที่ ๓ กองเสนารักษาดินแดนกรุงเทพฯ"

 

          ทั้ง ๒ กรมนี้ให้ใช้เครื่องแต่งกายอย่างกองเสนารักษาดินแดน ตามที่ปรากฏในพระราชกำหนดเครื่องแต่งตัวเสือป่าทุกประการ"  []

 

          ต่อมาวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๕๙ ได้โปรดเกล้าฯ ให้ตรา "ข้อบังคับระเบียบการขนานนามกรมเสือป่ารักษาดินแดน และเครื่องหมายเหล่ากรมรักษาดินแดน" โดยทรงกำหนดให้ขนานนามกรมเสือป่าที่ทรงดำรงตำแหน่งผู้บังคับการพิเศษเสียใหม่ ดังนี้

 

          "๑. กองพันที่ ๑ เสือป่ารักษาดินแดนกรุงเทพฯ ให้เรียกว่า กรมเสือป่าหลวงรักษาดินแดนกรุงเทพฯ

 

          ๒. กองพันที่ ๑ เสือป่ารักษาดินแดนกรุงเก่า ให้เรียกว่า กรมเสือป่าหลวงรักษาดินแดนกรุงเก่า

 

          ๓. กรมเสือป่ารักษาดินแดนนครไชยศรี ให้เรียกว่า กรมเสือป่าหลวงรักษาดินแดนนครไชยศรี

 

          ๔. กองพันที่ ๑ เสือป่ารักษาดินแดนพายัพ (นครเชียงใหม่) ให้เรียกว่า กรมเสือป่าหลวงรักษาดินแดนพายัพ

 

          ๕. กรมเสือป่ารักษาดินแดนนครศรีธรรมราช ให้เรียกว่า กรมเสือป่าหลวงรักษาดินแดนนครศรีธรรมราช ส่วนกรม, กองพันอื่นๆ บรรดาที่มีอยู่ในกองเสนารักษาดินแดนทั้งหลายนอกจากที่กล่าวมาแล้วนี้โดยเฉภาะนั้น ให้ใช้เรียกตามลำดับเลขหมายกรม และนามมณฑลที่กรมกองนั้นๆ ประจำ เช่นกรมเสิอป่าที่ ๒ รักษาดินแดนกรุงเทพฯ หรือกรมเสือป่าที่ ๒ รักษาดินแดนราชบุรี ดังนี้เปนต้น"

 

          เนื่องจากภารกิจหลักของเสือป่ารักษาดินแดนทั่วพระราชอาณาจักรนั้นคือ "พร้อมกันจับอาวุธต่อสู้ศัตรูหมู่ร้ายที่ทำการบุกรุกเข้ามาย่ำยีพระราชอาณาเขต หรือปราบปรามจลาจล"  [] ในจังหวัดอันเป็นที่ตั้งกรมกองเสือป่านั้นๆ เป็นสำคัญ การจัดกำลังพลในกรมกองเสือป่าสังกัดกองเสนารักษาดินแดนทั้งหมดจึงจัดเป็นกรมเสือป่าราบ ในทำนองเดียวกับกรมทหารราบที่เป็นกำลังหลักของกองทัพบกในหัวเมืองมณฑลต่างๆ เพื่อสะดวกแก่การปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยทหารในยามที่มีการประกาศกฎอัยการศึกหรือมีภาวะฉุกเฉินเกิดขึ้น

 

          แต่ในส่วนของกองเสนาหลวงรักษาพระองค์ ซึ่งกำลังพลส่วนใหญ่เป็นข้าราชการพลเรือนในพระราชสำนักที่มีความพร้อม และ "มีความสามารถจะปฏิบัติน่าที่ได้มิเปนการติดขัดอย่างใดอย่างหนึ่ง"  [] อีกทั้งกรมกองเสือป่าในสังกัดกองเสนาหลวงรักษาพระองค์ยังเป็นกองเสือป่าที่มีหน้าที่พิเศษ "เปนกองป้องกันรักษาพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือป้องกันรักษาพระราชฐาน หรือทำการระงับเหตุร้ายเปนพิเศษเพื่อช่วยเสือป่ารักษาดินแดน"  [] ประกอบกับมีพระบรมราโชบายที่จะใช้พระราชวังสนามจันทร์เป็นปราการด่านสุดท้ายในการป้องกันประเทศ จึงได้โปรดเกล้าฯ จัดกำลังพลเสือป่าในกองเสนาหลวงรักษาพระองค์เป็นเหล่าราบ เหล่าม้า เหล่าช่าง เหล่าพาหนะ แลเหล่าเดินข่าวหรือสื่อสารในทำนองเดียวกับการจัดหน่วยรบระดับกองพลของกองทัพบกมาแต่แรกเริ่ม

 

 

นายกองเอก สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลเดชวิกรม พระบรมราชชนก

ผู้ช่วยนายแพทย์ใหญ่เสือป่า กรมนักเรียนแพทย์เสือป่าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์

เมื่อครั้งทรงเป็นนายหมวดโท สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงสงขลานครินทร์ นายเสือป่าพิเศษ

 

 

          อนึ่ง เมื่อแรกตั้งกองเสือป่าขึ้นนั้น ได้โปรดเกล้าฯ ให้สมาชิกเสือป่าในสังกัดกรมกองเสือป่าต่างๆ ที่มีความรู้ทางการแพทย์ทำหน้าที่เป็นนายแพทย์ประจำกรมกองเสือป่านั้นมาเป็นลำดับ ต่อมาวันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๘ จึงได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งกรมนักเรียนแพทย์เสือป่าในพระบรมราชูปถัมภ์ขึ้น โดยทรงพระราชปรารภว่า

 

          "น่าที่การพยาบาลนักรบในเวลาสงครามนั้น เปนน่าที่สำคัญอย่างหนึ่งจึงต้องมีแพทย์และคนพยาบาลผู้ที่เรียนรู้การในวิชานักรบและชำนาญในการพยาบาลเปนอันมาก ตามที่เปนอยู่ในเวลานี้นั้นยังหาเปนการพอเพียงแก่น่าที่ในพแนกนี้ไม่ และถึงแม้ว่าจะมีแพทย์อยู่มากมายก็จริงอยู่ แต่โดยมากแพทย์เหล่านั้นมิได้มีโอกาสที่จะเรียนรู้การในน่าที่นักรบซึ่งยากที่จะทำการติดต่อให้เปนระเบียบอันดีได้ เพราะเหตุว่าการรักษาพยาบาลตามธรรมดานั้น ผิดกับการรักษาพยาบาลในสนามเปนอันมาก อาไศรยความจำเปนที่ได้บรรยายมานี้ จึงเปนการสมควรที่จะจัดให้มีการศึกษาวิชานายแพทย์นักรบขึ้นแห่งหนึ่ง เพื่อทำการฝึกหัดการพยาบาลสนามให้มีความรู้ช่ำชองในกิจการของการพยาบาลนักรบไว้เสียแต่ในเวลาปรกติ ฉวยว่ามีเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นแล้ว ก็จะได้กระทำน่าที่ในการพแนกนี้ได้พร้อมเพรียงทุกเมื่อ

 

          ทรงพระราชดำริห์เห็นว่าโรงเรียนราชแพทยาลัยเปนโรงเรียนที่สำหรับฝึกหัดแพทย์ส่งไปรับราชการในกระทรวงต่างๆ อยู่แล้ว ถ้าและได้จัดให้มีการสอนในวิชานักรบแลการพยาบาลสนามขึ้นแล้วก็จะเปนประโยชน์ขึ้นเปนอันมาก ทั้งเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นแล้วนักเรียนเหล่านั้นก็จะสามารถกระทำการในน่าที่ได้โดยบริบูรณ์ ใช่แต่เท่านั้น การที่จัดให้นักเรียนแพทย์ได้เรียนรู้การในน่าที่นักรบแต่เวลาที่กำลังเปนนักเรียนอยู่นั้น ย่อมเปนประโยชน์แลสดวกแก่ราชการกองทัพบกกองทัพเรือขึ้นอีกส่วนหนึ่ง และผู้ที่ไม่ได้รับราชการในกองทัพบกกองทัพเรือนั้นก็จะได้กระทำการเปนแพทย์เสือป่า แล้วและปลูกเพาะความเรียนรู้การในน่าที่พยาบาลแก่เสือป่ากรมกองต่างๆ ให้เปนคุณประโยชน์ ซึ่งเปนทางชักนำให้นักรบมีความรู้ในวิชาพยาบาลสนามแพร่หลายมากขึ้น

 

          อาไศรยเหตุที่ได้ทรงพระราชปรารภมาหนหลังนี้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งกองนักเรียนราชแพทยาลัยขึ้นเปนกรมนักเรียนแพทย์เสือป่าอีกตำแหน่งหนึ่ง คงรวมการอยู่ในโรงเรียนราชแพทยาลัยนั้นเอง ให้ขนานนามในตำแหน่งน่าที่เสือป่า ว่า "กรมนักเรียนแพทย์เสือป่าในพระบรมราชูปถัมภ์"  [] รวมการปกครองขึ้นตรงต่อกรมเสนาธิการเสือป่า ให้บรรดาอาจารย์และนักเรียนในโรงเรียนราชแพทยาลัยและแพทย์ประจำโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งตามที่ได้ยื่นใบสมัคขออาษาเข้าทำการในพแนกนี้นั้น เข้าประจำรับราชการในกรมนักเรียนแพทย์เสือป่าในพระบรมราชูปถัมภ์ตามตำแหน่ง"  []

 

          นอกจากนั้นใน พ.ศ. ๒๔๕๙ ยังได้โปรดเกล้าฯ ให้สมาชิกเสือป่าที่เป็นข้าราชการกรมชาวที่จัดเป็นกรมเสือป่าปืนใหญ่หลวงรักษาพระองค์ขึ้นอีกกรมหนึ่ง จึงทำให้กองเสนาหลวงรักษาพระองค์มีสถานะและขีดความสามารถพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ทดแทนกองพลทหารบกที่ ๑ รักษาพระองค์ซึ่งเป็นกำลังหลักของกองทัพบกสยามในการป้องกันกรุงเทพมหานครในเวลานั้นได้เลยทีเดียว แต่ในเวลาต่อมาทรงพระราชดำริว่า ข้าราชการกรมชาวที่นั้นต้องแยกย้ายกันอยู่ประจำรับราชการตามพระราชวังต่างๆ ซึ่งเป็นการยากที่จะเรียกรวมพลให้พร้อมเพรียงกันได้ จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้โอนกรมเสือป่าปืนใหญ่หลวงรักษาพระองค์ไปสังกัดอยู่ในกองดับเพลิงกรมทหารรักษาวังของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวตั้งแต่วันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายกองโท หม่อมเจ้ามงคลประวัติ สวัสดิกุล ผู้บังคับกองดับเพลิงกรมทหารรักษาวัง ว.ป.ร. เป็นผู้บังคับการกรมเสือป่าปืนใหญ่หลวงรักษาพระองค์ และให้จัดเพาะกำลังพลขึ้นใหม่จากกำลังพลในกองดับเพลิงกรมทหารรักษาวัง ว.ป.ร. ส่วนนายเสือป่าในสังกัดกรมเสือป่าปืนใหญ่หลวงรักษาพระองค์แต่เดิมมานั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายไปสังกัดกรมเสือป่าราบหลวงรักษาพระองค์ทั้งสิ้น

 

          อนึ่ง เนื่องจากมีผู้สนใจสมัครเข้าเป็นสมาชิกเสือป่าในกองเสนารักษาดินแดนต่างๆ เพิ่มมากขึ้น

 

          ต่อมาวันที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๒ จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้ยกกรมเสือป่ารักษาดินแดนราชบุรี ขึ้นเป็นกองเสนาน้อยราชบุรี คงสังกัดในกองเสนารักษาดินแดนตวันตก จัดอัตรากำลังเป็น ๖ กองพัน ประกอบด้วยเสือป่าเหล่าราบ ๓ กองพัน คือ

 

          กองพันที่ ๑ ตั้งอยู่ที่จังหวัดราชบุรี

          กองพันที่ ๒ ตั้งอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี

          กองพันที่ ๓ ตั้งอยู่ที่จังหวัดสมุทรสงคราม

 

          และเสือป่าเหล่าราชนาวี ๓ กองพัน คือ

          กองพันที่ ๑ ราชนาวีเสือป่าเพชรบุรี ตั้งอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี

          กองพันที่ ๒ ราชนาวีเสือป่าเพชรบุรี ตั้งอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี

          กองพันที่ ๓ ราชนาวีเสือป่าประจวบคีรีขันธ์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

 

 

นายกองเอก พระยามหินทรเดชานุวัตน์ (ใหญ่ ศยามานนท์)

ผู้บัญชาการกองเสนาน้อยรักษาดินแดนนครไชยศรี

เมื่อครั้งเป็นนายกองตรี ผู้บังคับการกรมเสือป่าหลวงนครไชยศรี

 

 

          ต่อมาวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๓ ได้โปรดเกล้าฯ ให้ยกกรมเสือป่าหลวงรักษาดินแดนนครไชยศรีขึ้นเป็นกองเสนาน้อยรักษาดินแดนนครไชยศรี คงขึ้นการบังคับบัญชาในกองเสนารักษาดินแดนตวันตก มีอัตรากำลังเป็นเหล่าราบ ๔ กองพัน และเหล่าราชนาวี ๑ กองพัน ขึ้นตรงต่อผู้บัญชาการกองเสนาน้อยรักษาดินแดนนครไชยศรี ดังนี้

 

          กองพันที่ ๑ แลที่ ๒ ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครปฐม รวมเป็นกรมเรียกว่า กรมเสือป่าหลวง รักษาดินแดนนครไชยศรี

          กองพันที่ ๓ และที่ ๔ ตั้งอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี

          กองพันราชนาวีเสือป่าสมุทรสาคร ตั้งอยู่ที่จังหวัดสมุทสาคร

 

 

 


[ ]  "ประกาศกรมบัญชาการเสือป่า", ราชกิจจานุเบกษา ๓๓ (๒ เมษายน ๒๔๕๙), หน้า ๑๔ - ๑๕.

[ เรื่องเดียวกัน.

[ เรื่องเดียวกัน.

[ "พระราชกำหนดน่าที่เสือป่านักรบ กองอาสาสมัครักษาความสงบราบคาบ พระพุทธศักราช ๒๔๖๐", ราชกิจจานุเบกษา ๓๔ ๒๓ กรกฎาคม ๒๔๖๐), หน้า ๓๖๑ - ๓๗๐.

[ "ประกาศรับสมาชิกมณฑลกรุงเทพฯ เข้าประจำการในกองพลเสือป่าหลวง (รักษาพระองค์)", ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ (๘ มีนาคม ๒๔๕๖), ๒๘๖๙ - ๒๘๗๒.

[ เรื่องเดียวกัน.

[ ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขนานนามใหม่ว่า "กรมนักเรียนแพทย์เสือป่าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์"

[ "ประกาศตั้งกรมนักเรียนแพทย์เสือป่าในพระบรมราชูปถัมภ์", ราชกิจจานุเบกษา ๓๒ (๓๐ มกราคม ๒๔๕๘), หน้า ๒๖๖๖ - ๒๖๖๘.

 

 

ก่อนหน้า  |  ๗๑  |  ๗๒  |  ๗๓  |  ๗๔  |  ๗๕  |  ๗๖  |  ๗๗  |  ๗๘  |  ๗๙  |  ๘๐  |  ถัดไป  |

บทความปัจจุบัน | บทความย้อนหลัง : ตอนที่ - ๒๐ | ๒๑ - ๔๐ | ๔๑ - ๖๐ | ๖๑ - ๘๐ | ๘๑ - ๑๐๐ | ๑๐๑ - ๑๒๐ | ๑๒๑ - ๑๔๐ |

| ๑๔๐ - ๑๖๐ | ๑๖๑ - ๑๖๖ |