ต่อมาภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕
สภากรรมการจัดการวชิราวุธวิทยาลัย
ได้มีมติให้จัดตั้งโรงเรียนเด็กรุ่นเล็ก (คณะเด็กเล็ก)
ในที่ดินพระราชทานริมถนนสุโขทัยขึ้นใหม่
ดังมีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ดังนี้
โรงเรียนเด็กเล็กนี้นับเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัยที่กระทรวงศึกษาธิการได้ออกประกาศอนุญาตให้ดำรงโรงเรียนตามความในพระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์
พ.ศ. ๒๔๖๑ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๑
และประกาศรวมสองโรงเรียนเป็นโรงเรียนเดียวกันเมื่อวันที่
๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๙
อนึ่ง
เมื่อมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์
พ.ศ. ๒๔๗๙ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๔
สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ และในมาตรา ๕๒
ซึ่งเป็นบทเฉพาะกาลแห่งพระราชบัญญัตินี้บัญญัติว่า
ผู้ใดเป็นเจ้าของ
ผู้จัดการ ครูใหญ่ หรือครูแห่งโรงเรียนราษฎร์
อยู่แล้วในวันใช้พระราชบัญญัตินี้ให้คงเป็นต่อไปได้
แต่ต้องขอรับใบอนุญาตภายในกำหนดสามเดือน
นับตั้งแต่วันใช้พระราชบัญญัตินี้
[๑]
ผู้แทนวชิราวุธวิทยาลัยจึงได้ยื่นเรื่องราวขอรับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนตามความในบทเฉพาะกาลแห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว
และกระทรวงศึกษาธิการได้ออกใบอนุญาตตั้งโรงเรียนเลขที่
๔๕/๒๔๘๐ เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐
รายละเอียดในใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนฉบับนี้
มีข้อน่าสังเกตในหลายประเด็น ดังนี้
๑)
เจ้าของโรงเรียนที่ขอรับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนนี้
คือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
และโฉนดที่ดินสวนกระจังที่พระราชทานให้เป็นที่ตั้งโรงเรียนก็ออกในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
แต่เนื่องจากพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
พ.ศ. ๒๔๗๙ ที่มีผลใช้บังคับมาตั้งแต่วันที่ ๑๙
กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ นั้น
มีบทบัญญัติให้ทรัพย์สินใดๆ
ที่มิใช่ทรัพย์สินที่เป็นของส่วนพระองค์พระมหากษัตริย์มาแต่ก่อนเสด็จเสวยสิริราชสมบัติ
หรือเป็นทรัพย์สินส่วนสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน
ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ
เป็นต้นว่า พระราชวัง
ให้ถือว่าทรัพย์สินนั้นเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ฉะนั้นที่ดินสวนกระจังที่พระราชทานให้เป็นที่ตั้งโรงเรียนและโฉนดออกในพระปรมาภิไธยเมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว
จึงถูกโอนกรรมสิทธิ์ไปเป็นกรรมสิทธิ์ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์โดยบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว
และโดยที่ใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัยนั้นออกในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
อีกทั้งได้ทรงพระมหากรุณาสถาปนาโรงเรียนนี้เมื่อเสด็จเสวยสิริราชสมบัติแล้ว
วชิราวุธวิทยาลัยจึงมีสถานะเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ตามพระราชบัญญัติทระพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
พ.ศ. ๒๔๗๙
พระมหากษัตริย์ที่ทรงรับสิริราชสมบัติสืบต่อจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงเป็นทั้งเจ้าของและผู้รับใบอนุญาตวชิราวุธวิทยาลัยสืบต่อกันมาเป็นลำดับ
๒)
ที่อยู่ของผู้ขอรับใบอนุญาตตามที่ระบุในใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียน
คือ บ้านเลขที่ ๙๖๓ ถนนสะพานแดง
แขวงสะพานเจริญพาสน์ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
ซึ่งเป็นที่อยู่ที่ประชาชนทั่วไปไม่สามารถตรวจสอบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ได้
นอกจากนั้นตานฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของกระทรวงมหาดไทยนั้น
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีที่ประทับตามทะเบียนราษฎรอยู่ที่พระบรมมหาราชวัง
เลขที่ ๑ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร
กรุงเทพมหานคร เป็นมาตรฐานมาช้านาน
ฉะนั้นที่อยู่ของผู้รับใบอนุญาตตามที่ปรากฏในใบอนุญาตนั้นจึงออกจะผิดปกติวิสัยอยู่
๓)
สถานที่ตั้งโรงเรียนตามใบอนุญาตดังกล่าวระบุว่า
ตั้งอยู่ที่ เลขที่ ๑๙๗ ถนนสุโขทัย เขตดุสิต
กรุงเทพมหานครนั้น
นอกจากจะแย้งกับทะเบียนราษฎรของโรงเรียน
ที่ระบุสถานที่ตั้งโรงเรียนอยู่ที่ เลขที่ ๑๙๗
ถนนราชวิถี เขตดุสิต กรุงเทพมหานครแล้ว
ยังขัดกับหลักฐานเดิมของกระทรวงธรรมการที่ระบุว่า
โรงเรียนมหาดเล็กหลวง ตั้งอยู่ที่ถนนซางฮี้ใน (ถนนราชวิถี)
อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร