ในคัมภีร์ มานวธรรมศาสตร์
กล่าวไว้ว่า เมื่อพระอาตมภู (ผู้เกิดเอง)
มีพระหฤทัยจำนงที่จะทรงสร้างสิ่งทั้งปวง
ได้ทรงสร้างน้ำขึ้นก่อน,
แล้วได้ทรงเอาพืชหว่านในน้ำ.
จากพืชนั้นได้เกิดเป็นไข่ทอง,
และพระอาตมภูเองได้เฃ้ากำเนิดในไข่นั้นเป็นพระพรหมา,
ปิตามหา (ผู้สร้าง) แห่งโลก. พระพรหมาอยู่ในไขนั้น
๑ ปี
แล้วจึ่งแบ่งไข่นั้นออกเปนสองภาคโดยอำนาจพระมโนเท่านั้น.
เหตุที่ได้มีกำเนิดในใช่ทองเช่นนี้
จึ่งเรียกพระพรหมาว่า หิรัณยครรภ.
เมื่อออจากไข่แล้วพระพรหมาจึ่งเริ่มทรงสร้างโลกต่อไป.
คัมภีร์ พรหมาปุราณะ กล่าวว่า
เมื่อได้ออกจากไข่ทองแล้ว พระพรหมาแบ่งพระองค์เปน
๒ ภาค, ชายภาค ๑ หญิงภาค ๑,
ซึ่งช่วยกันสร้างพระวิษณุเปนเจ้า,
แล้วพระวิษณุจึ่งได้ทรงสร้างบุรุษที่ ๑ ชื่อวิราช,
และวิราชสร้างพระมนูสวายัมภูว. แต่คัมภีร์ มัตสยะปุราณะ
กล่าวว่า พระพรหมาสร้างนางขึ้นองค์ ๑ ชื่อ ศตะรูปา
(หรืสรัสวดี), และตรัสชวนให้ช่วยกันสร้าง ภูตะ (สัตว์มีชีวิต)
ทุกชนิด, คือมนุษ, สุระ, และอสุระ.
สององค์จึ่งไปอยู่สำราญในที่รโหฐานด้วยกัน ๑๐๐
ปีสวรรค์, แล้จึ่งได้กำเนิดพระมนูองค์ที่ ๑
ซึ่งเรียกว่าสยัมภูวและวิราช
พระมนูสวายัมภูวองค์นี้เปนผู้ที่รับมอบธุระสร้างคน,
ฉนั้นคนจึ่งได้ชื่อว่า มนุษ" เพราะเกิดแต่มนู
พระมนูได้สร้างประชาบดีขึ้น ๑๐ ตน,
เพื่อให้เปนมหาชนกของมนุษสืบมา. ประชาบดี,
หรือมหาฤษี ๑๐ ตน คือ (๑) มะรีจิ (๒) อัตริ (๓)
อังคีรส (๔) ปุลัสตยะ (๕) ปุละหะ (๖) กระตุ (๗)
วสิษฐ (๘) ประเจตัส (๙) ภฤคุ (๑๐) นารท.
บางตำหรับก็ออกนามประชาบดีเพียง ๗ ตน,
คือที่เรียกสัปตะฤษีนั้นเอง... พระมนูองค์ที่ ๑
นี้เปนผู้รจนาคัมภีร์ ที่เรียกว่า มนูสันหิตา,
หรือเรียกอีกนัยหนึ่งว่า มานวธรรมศาสตร์,
พระมนู่ที่ ๑ นั้นจัดว่าเปนพราหมณ์โดยพระชาติ.
พระมนูกำหนดจะมาบังเกิดในโลก ๑๔ องค์,
เปนใหญ่อยู่ในโลกองค์ละ ๑ มานวันตร,
ซึ่งเทียบเปนปีมนุษถึง ๔,๒๐๐,๐๐๐ ปี...
พระมนูในเรื่องมัตสยาวตารเปนกษัตริยชาติ,
โอรสพระสุริยาทิตย์, เปนมนูองค์ที่ ๗,
และในกาลบัดนี้ ยังเปนมานวันตรของมนูองค์ที่ ๗
นั้นอยู่.
นามพระมนู ๑๔ องค์มีตามลำดับดังต่อไปนี้, คือ (๑)
สวายัมภูว (๒) สวาโรจิษ (๓) โอตตมี (๔) ตามะสา (๕)
ไรวตะ (๖) จากษุษ (๗) ไววัสวัต, หรือสัตยพรต (๘)
สาวรรณ (๙) ทักษะสาวรรณ (๑๐) พรหมสาวรรณ (๑๑)
ธรรมสาวรรณ (๑๒) รุทระสาวรรณ (๑๓) เราจยะ (๑๔)
เภาตยะ.
[๒] |