โดย อ.วรชาติ มีชูบท

บทความปัจจุบัน | บทความย้อนหลัง : ตอนที่ ๑ - ๒๐ | ๒๑ - ๔๐ | ๔๑ - ๖๐ | ๑ - | ๑ - ๑๐ | ๐๑ - ๑๒ | ๒๑ - ๑๔ |

| ๑๔๑ - ๑๕๙ |

  |    |    |    |    |    |    |    |    |  ๑๐  |  ถัดไป  |

 

๓. กองลูกเสือหลวง (รักษาพระองค์) ๑

 

          เนื่องในโอกาสที่กองลูกเสือหลวง (รักษาพระองค์) จะมีกำเนิดมาครบ ๑๐๑ ปีบริบูรณ์ ในวันที่ ๒ กันยายน ศกนี้ จดหมายเหตุวชิราวุธตอนนี้จึงขอนำเสนอประวัติความเป็นมาของกองลูกเสือหลวง (รักษาพระองค์) ซึ่งเป็นกองลูกเสือกองแรกของประเทศสยาม ดังนี้
          เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนากองเสือป่าขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๕๔ แล้ว ต่อมาอีกเพียงเดือนเศษก็ได้โปรดเกล้าฯ ให้ประกาศใช้ “ข้อบังคับลักษณปกครองลูกเสือ” ซึ่งทรงยกร่างขึ้นด้วยลายพระราชหัตถ์ เมื่อวันเสาร์ที่ ๑ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๓๐ (พ.ศ. ๒๔๕๔) จึงถือกันว่าได้พระราชทานกำเนิดกิจการลูกเสือขึ้นในแผ่นดินสยามมาตั้งแต่วันนั้น

 

                                         

ข้อบังคับลักษณปกครองลูกเสือ ร.ศ. ๑๓๐
ฉบับลายพระราชหัตถ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

 

          ในข้อบังคับลักษณะปกครองลูกเสือฉบับดังกล่าว ทรงกำหนดประเภทและคุณสมบัติของลูกเสือไว้ ดังนี้
 

     “ข้อ ๓๑ ลูกเสือมี ๓ ชั้น นอกจากนายหมู่และผู้ช่วยนายหมู่ คือ

(๑)

 

ลูกเสือเอก คือลูกเสือที่ได้สอบไล่ความรู้พอให้แลเห็นได้ว่าต่อไปจะใช้
เปนผู้ช่วยป้องกันรักษาชาติบ้านเมืองได้

(๒)

 

ลูกเสือโท คือลูกเสือที่ยังมิได้สอบไล่เปนลูกเสือเอก
แต่ได้สอบไล่ความรู้ชั้นต้นแล้ว และเฃ้าประจำกองแล้ว

(๓)

 

ลูกเสือสำรอง คือเด็กที่กองได้รับไว้ฝึกหัดสำหรับเปนลูกเสือโทต่อไป

     

     ข้อ ๓๒ ผู้ที่จะรับเฃ้าเปนลูกเสือสำรองได้ คือ:-

(๑)

 

เด็กชายที่มีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๑ ปีเต็ม (คือย่างเฃ้าปีที่ ๑๒) และ
ไม่สูงกว่า ๑๘ ปีเต็ม (คือย่างเฃ้าปีที่ ๑๙) และร่างกายสมประกอบ

(๒)

 

เปนนักเรียนอยู่ในโรงเรียนซึ่งเปนที่ตั้งกอง ฤาเปนบุตร์ผู้ที่มีหลักฐาน

(๓)

 

ต้องได้รับความยินยอมของบิดามารดาฤาผู้ปกครอง ความยินยอมอันนี้
ต้องให้ผู้สมัคนำมาเปนลายลักษณ์อักษร เพื่อป้องกันความเฃ้าใจผิดต่างๆ

(๔)

 

ต้องเฃ้าใจว่า การที่จะเปนลูกเสือนั้น โดยความมุ่งหมายจะสนองพระเดชพระคุณ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และจะรักษาบ้านเมือง เมื่อเฃ้าใจความในข้อ ๔ นี้แล้ว
จึ่งจะรับเข้าเปนสำรองได้”
 
[ 1 ]


 

นายกองโท เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี
(สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา)

 

          แต่ก่อนที่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศใช้ข้อบังคับลักษณปกครองลูกเสือนั้น น่าจะได้มีพระราชปรารภกับพระยาไพศาลศิลปสาตร์ (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) [ ] กรรมการจัดการโรงเรียนมหาดเล็กหลวงถึงพระราชประสงค์ที่จะให้จัดตั้งกองลูกเสือขึ้นเป็นตัวอย่างที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง จึงมีหลักฐานปรากฏเป็นความตอนหนึ่งในหนังสือที่พระยาไพศาลศิลปสาตร์กราบบังคมทูลพระกรุณาเมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ร.ศ. ๑๓๐ ว่า
 

          “๓. ข้าพระพุทธเจ้าได้เริ่มต้นเตรียมนักเรียนไว้สำหรับการเปนลูกเสือตั้งแต่วันที่ ๒๐ เดือนนี้ คือ ได้เรียกนักเรียนประชุมพร้อมกัน แล้วเล่าให้ฟังถึงเรื่องที่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งกองลูกเสือขึ้นในไม่ช้า โรงเรียนทั้งหลายโดยมากคงจะได้เปนที่ตั้งกองลูกเสือ และถ้ากองไหนดียิ่งยวดก็จะโปรดเกล้าฯ พระราชทานเกียรติยศพิเศษให้เปนลูกเสือหลวง ถ้าโรงเรียนมหาดเล็กหลวงไม่ได้เปนกองที่ ๑ ในมณฑลกรุงเทพฯ และไม่ได้เปน ลูกเสือหลวง โรงเรียนอื่นเขากลับได้เปน นักเรียนทั้งหลายในโรงเรียนมหาดเล็กหลวงจะได้ความอับอายขายหน้าเพียงไร พวกเราจะทนความอายเช่นนั้นได้หรือ เพราะฉะนั้นพวกเราทั้งหลายต้องรีบขวนขวายเตรียมตัวไว้ เมื่อถึงเวลาเข้าเราได้เปนก่อนเขาก็จะได้เปนกองที่ ๑ ในมณฑลกรุงเทพฯ และเมื่อเราช่วยกันรักษาชื่อเสียงของโรงเรียนไว้ให้ดี ก็คงจะได้รับพระมหากรุณาได้เปนลูกเสือหลวงก่อนโรงเรียนอื่นๆ การตระเตรียมนี้จะต้องตั้งต้นเสียทีเดียว และข้าพระพุทธเจ้ารับแก่นักเรียนว่าจะเปนผู้ช่วยจัดให้ แต่จะต้องเลือกคัดขึ้นฝึกสอนแต่น้อยคนก่อน การสอนนี้จะสอนธรรมจริยาเปนพื้น ผู้ที่ได้เรียนแล้วจะได้ช่วยกันชักจูงเพื่อนนักเรียนอื่นๆ เปนลำดับไป ความตั้งใจของข้าพระพุทธเจ้าในการคัดนักเรียนเช่นนั้น ก็เพื่อจะโดยเสด็จตามรอยฝ่าลอองธุลีพระบาทในพระราชนิยมเรื่องพันแขนเหลืองหรือขนนกปักหมวกของกองเสือป่า ข้าพระพุทธเจ้าเชื่อด้วยเกล้าฯ แล้วว่าได้ประโยชน์มาก นักเรียนที่ยังไม่ได้คัดข้าพระพุทธเจ้าก็กำชับไม่ให้ท้อถอย ให้พยายามทำดีที่จะได้ถูกคัด นักเรียนที่ถูกคัดแล้วก็ห้ามไม่ให้ทะนง ให้คงรักษาตัวดีอยู่เสมอ เพื่อมิให้ต้องถอยหลังกลับลงไปได้ ในวันต้นนั้นโรงเรียนคัดได้นักเรียน ๘ คน คือ
 

๒๘  

 

นายเจือ  [ ]

บุตร์ นายชวน

ชั้นประถม ๑

 ๔๗

 

หม่อมเจ้าเสรษฐพันธุ์  [ ]

นพระเจ้าวรวงษ์เธอ
กรมหมื่นอนุพงษ์จักรพรรดิ

ชั้นมูล ๒

๔๙

 

นายสนิท  [ ]

บุตร์ พระอาทรธนพัฒน์

ชั้นมัธยม ๑

๖๐

 

นายสว่าง  [ ]

บุตร์ พระยาเพ็ชราภิบาล

ชั้นมัธยม ๓

๙๐

 

นายเดช  [ ]

บุตร์ นายสุ่น

ชั้นมัธยม ๓

๙๑

 

นายสุนทร  [ ]

บุตร์ พระยาศรีสุนทรโวหาร

ชั้นมัธยม ๓

๙๒

 

นายเกื้อ  [ ]

บุตร์ พระยาศรีสุนทรโวหาร

ชั้นมัธยม ๑

๙๔

 

นายเคล้า  [ ๑๐ ]

บุตร์ จมื่นมานิตนเรศร์

ชั้นมัธยม ๑

         

          ข้าพระพุทธเจ้าได้เรียกนักเรียนคัดทั้ง ๘ คนนี้ไปประชุมพร้อมกันในห้องครูต่อหน้าอาจารย์และครูทุกคน แล้วถามว่าใครเปนผู้มีใจเผื่อแผ่นึกถึงประโยชน์ของหมู่คณะมากกว่าประโยชน์เฉภาะตน และอุทิศใจมอบกายที่จะรับทำกิจธุระให้แก่โรงเรียนโดยไม่คิดแก่เหน็จเหนื่อยและความยากลำบากส่วนตนให้ยืนขึ้น นักเรียนยืนขึ้นทั้ง ๘ คน ข้าพระพุทธเจ้าจึงรับว่าเปนการดีแล้วที่นักเรียนแสดงตนเปนคนมีใจเผื่อแผ่ทุกคนต่อหน้าครูบาอาจารย์เช่นนั้น ให้นักเรียนรักษาข้อความที่ได้แสดงนี้ไว้ให้มั่น ให้สมแก่เปนผู้ที่ฟังพระราชดำรัสแล้วว่า “เสียชีวิตรอย่าเสียสัตย์” ”  [ ๑๑ ]

 

          ต่อจากนั้นนักเรียนมหาดเล็กหลวงที่มีคุณสมบัติพร้อมที่จะเป็นลูกเสือสำรองก็ได้สมัครเข้ารับการฝึกหัดวิชาชั้นต้นสำหรับการเป็นลูกเสือสำรอง ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับลักษณปกครองลูกเสือ ว่า
 

     “ข้อ ๓๓ ผู้ที่จะเปนลูกเสือโทได้ ต้องได้เปนลูกเสือสำรองมาแล้ว ๑ เดือนเปนอย่างน้อย และต้องสอบไล่ความรู้และความสามารถชั้นต้น ดังต่อไปนี้ :-

(๑)

 

ฝึกหัดชั้นต้น คือรู้จักวิธี ระวังตรง หัน เดิน หันเวลาเดิน เรียง ๒ เรียง ๔

(๒)

 

รู้สัญญาณนกหวีด สัญญาไฟ และสัญญามือ ตามที่กำหนดไว้ในแบบสั่งสอนเสือป่าและลูกเสือ

(๓)

 

เดินสะกดรอยไประยะทาง ๒๐ เส้นใน ๒๕ นาที ฤาจะใช้วิธีจำสิ่งของที่กำหนดไว้ในการเล่น
เสือป่า ในบทที่ ๑ แห่งแบบสั่งสอนเสือป่าและลูกเสือนั้นก็ได้ แต่ต้องจำได้ ๑๖ สิ่งใน ๒๔ จึ่งจะใช้ได้

()

 

เดินอย่าง “เดินเสือ” ได้ ๔๐ เส้นต่อ ๑๒ นาที

()

 

กองไฟและจุดในที่แจ้ง กำหนดให้ใช้ไม้ขีดไฟไม่เกิน ๒ ฤา ๓ อัน

()

 

รู้จักทิศ ทั้งทิศใหญ่ ทิศเฉียง รวม ๘ ทิศ ต้องเรียกชื่อและชี้ให้ถูกด้วย”

     

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการฝึกหัดลูกเสือ

 

          อนึ่งในระหว่างที่ทรงยกร่างข้อบังคับลักษณปกครองลูกเสือนั้น คงจะทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทอยู่แล้วว่า ได้มีการเตรียมการจัดตั้งกองลูกเสือขึ้นที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง และที่โรงเรียนราชวิทยาลัย จึงได้ทรงยกตัวอย่างการขนานนามกองลูกเสือไว้ในข้อบังคับลักษณปกครองลูกเสือว่า
 

     ข้อ ๓๐ “ลักษณหมายเลขกองและหมู่ ให้ใช้เรียกตามนามมณฑล มีเลขประจำกอง และเลขประจำหมู่ เช่น “กองกรุงเทพฯ ที่ ๑ หมู่ที่ ๑ ดังนี้เปนตัวอย่าง เลขประจำกองนั้นให้หมายเปนลำดับตามอายุของกองที่ตั้งขึ้นก่อนและหลังภายในมณฑลนั้น และถ้าจะเพิ่มนามโรงเรียนฤานามพิเศษลงด้วยก็ได้ ให้เพิ่มเฃ้าต่อเลขประจำกอง เช่น “กองกรุงเทพฯ ที่ ๒ (ราชวิทยาลัย)” ดังนี้เปนตัวอย่าง ส่วนการที่จะหมายเลขและเพิ่มนามโรงเรียน ให้เปนน่าที่สภากรรมการมณฑลกำหนดแล้วบอกเฃ้ามาที่สภากรรมการกลาง เพื่อจะได้ลงทะเบียฬไว้ แต่การเพิ่มนามพิเศษซึ่งมิใช่นามโรงเรียน จะมีได้แต่โดยได้รับพระราชทานเปนเกียรติยศพิเศษเท่านั้น เมื่อกองใดได้รับพระราชทานนามพิเศษเช่นนี้ ให้ใช้นามพิเศษแทนนามโรงเรียน เช่น “กองกรุงเทพฯที่ ๑ (ลูกเสือหลวง)” สำหรับโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ดังนี้เปนตัวอย่าง และถ้าได้รับพระราชทานนามพิเศษเปนเกียรติยศแล้ว ห้ามมิให้ใช้นามโรงเรียนซ้ำเฃ้าอีกด้วยเปนอันฃาด แต่เลขประจำกองให้คงอยู่ตามเดิม”  [ ๑๒ ]

 

(ยังมีต่อ)

 

 

 

[ ]  หอวชิราวุธานุสรณ์. ข้อบังคับลักษณปกครองลูกเสือ, หน้า ๗.

[ ]  ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี

[ ]  นายเจือ  ยุวเสวี  ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น ขุนวิโรจน์ประภา

[ ]  หม่อมเจ้าเสรษฐพันธุ์  จักรพันธุ์

[ ]  นายสนิท  จารุจินดา  ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระยาบำเรอภักดิ์

[ ]  นายสว่าง  ณ สงขลา  ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น นายวิชัยดุรงค์ฤทธิ์

[ ]  นายเดชน์  ธนสุนทร  ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น จมื่นจงภักดีองค์ขวา

[ ]  นายสุนทร  สาลักษณ์  ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระสุนทรวาจนา

[ ]  นายเกื้อ  สาลักษณ์  ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระบริหารสาราลักษณ์

[ ๑๐ ]  นายเคล้า  คชนันทน์  ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น หลวงสรรสารกิจ

[ ๑๑ ]  หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร.๖ ศ.๔/๕๙ เรื่องโรงเรียนมหาดเล็กหลวง (๑ มกราคม ๒๔๕๓ - ๒๐ ธันวาคม ๒๔๖๗)

[ ๑๒ ]  เรื่องเดียวกัน.
 

 

 

 

  |    |    |    |    |    |    |    |    |  ๑๐  |  ถัดไป  |

บทความปัจจุบัน | บทความย้อนหลัง : ตอนที่ ๑ - ๒๐ | ๒๑ - ๔๐ | ๔๑ - ๖๐ | ๑ - | ๑ - ๑๐ | ๐๑ - ๑๒ | ๒๑ - ๑๔ |

| ๑๔๑ - ๑๕๙ |