โดย อ.วรชาติ มีชูบท

บทความปัจจุบัน | บทความย้อนหลัง : ตอนที่ ๑ - ๒๐ | ๒๑ - ๔๐ | ๔๑ - ๖๐ | ๑ - | ๑ - ๑๐ | ๐๑ - ๑๒ | ๒๑ - ๑๔ |

| ๑๔๑ - ๑๕๙ |

  |    |    |    |    |    |    |    |    |  ๑๐  |  ถัดไป  |

 

๙. ระเบียบการโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
ในพระบรมราชูปถัมภ์พิเศษส่วนพระองค์
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (๓)

 

การประจำวันตามเวลาปรกติของโรงเรียน

ย่ำรุ่ง []

ตื่นนอน

ย่ำรุ่ง ๑๐ นาที

กินน้ำชาเช้าในห้องเลี้ยง

ย่ำรุ่งครึ่งถึงโมงครึ่ง

ตรวจชื่อ หัดทหารหรือหัดยิมนาสติกส

โมงครึ่ง

อาบน้ำ แต่งตัวสำหรับเรียน

๒ โมงเช้า

กินอาหารเช้าในห้องเลี้ยง

๓ โมงเช้าถึงเที่ยง

ตรวจชื่อ เข้าห้องเรียน

ที่ยงครึ่ง

กินอาหารกลางวัน

บ่าย ๑ โมงครึ่งถึงบ่าย ๓ โมงครึ่ง

ตรวจชื่อ เข้าห้องเรียน

บ่าย ๓ โมง ๔๕ นาทีถึง ๔ โมงครึ่ง

ผลัดเครื่องแต่งตัวหัดทหาร หรือยิมนาสติกส

บ่าย ๔ โมงครึ่ง

กินน้ำชาบ่าย แล้วออกเล่นในสนาม อาบน้ำ แต่งตัวอย่างอยู่บ้าน สรวมกางเกงไทย มีเสื้อนอก

ย่ำค่ำครึ่ง  []

กินอาหารเย็น

ทุ่มครึ่ง

ตรวจชื่อ เข้าเรียนเปนการตระเตรียมสำหรับวันรุ่งขึ้น

๒ ทุ่ม

พวกเล็กเลิกเรียนไปเข้าห้องนอน

๒ ทุ่มครึ่ง

ดับไฟตอนห้องนอนพวกเล็ก

ยามหนึ่ง  []

พวกใหญ่เลิกเรียนไปเข้าห้องนอน

ยามครึ่ง  []

ดับไฟตอนห้องนอนพวกใหญ่

 

 

หมายเหตุ

แต่ ๓ โมงเช้าถึงบ่าย ๓ โมงครึ่งปิดห้องนอน นักเรียนจะเข้าห้องนอนไม่ได้ เว้นไว้แต่ได้รับอนุญาตจากครูผู้กำกับเรือน

 

เวลาต่างๆ ที่กำหนดไว้นั้น จะมีกระดิ่งสั่นให้สัญญาเปนสำคัญ ครั้งเดียวบ้าง สองครั้งบ้าง 
ถ้าสั่นสองครั้งๆ แรกสำหรับให้รู้ตัวและเตรียมตัวไว้

 

 

นักเรียนหลวงกับนักเรียนสมัค

 

          นักเรียนหลวงกับนักเรียนสมัคได้รับความเสมอภาคเหมือนกันหมด ตลอดเวลาอยู่ในโรงเรียน ต่างกันแต่นักเรียนหลวงได้รับพระราชทานทุนเล่าเรียนส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องแล้วแต่พระราชประสงค์ที่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เรียนอยู่ หรือเข้ารับราชการทางใดเมื่อไรก็ได้ 

 

          แต่นักเรียนสมัคนั้นเสียค่าเล่าเรียนของตัวเอง การที่จะเรียนได้ตลอดถึงวิชาชั้นใด และเมื่อเรียนจบแล้วจะเลือกเข้าโรงเรียนวิชาพิเศษอย่างไรต่อไปอีก หรือจะออกประกอบการงานใดๆ ทีเดียวก็ได้ตามปรารถนาทั้งสิ้น นักเรียนสมัคเมื่อถึงเวลาสมควรจะถวายตัวเปนมหาดเล็กหลวงได้ โรงเรียนก็จะได้จัดการให้ตามปรารถนา


 

แบบใบรับรองนักเรียนสมัคของโรงเรียนมหาดเล็กหลวง

 

 

การรับนักเรียน และเงินค่าเล่าเรียน


          การรับนักเรียน วิชาไม่กำหนด แต่อายุต้อง ๖ ปีเต็มแล้วขึ้นไป

 

          ในส่วนนักเรียนหลวงนั้น แล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทุนเล่าเรียนแก่ผู้ใดที่ได้ถวายตัวเปนมหาดเล็กหลวงแล้ว โรงเรียนจึงจะรับเข้าเปนนักเรียนหลวงได้

 

          แต่ส่วนนักเรียนสมัค ถ้ามีผู้รับรองซึ่งกรรมการอำนวยการโรงเรียนเห็นว่ามีหลักถานสมควรเชื่อได้ โรงเรียนก็รับเข้าเปนนักเรียนประเภทสมัคได้ โดยเรียกค่าเล่าเรียนและค่ากินอยู่ในโรงเรียนเดือนละ ๓๐ บาท ส่วนของเดือนคิดเต็มเดือน ค่าเครื่องเรียนและเครื่องนุ่งห่มนักเรียนต้องออกเอง ตามที่โรงเรียนกำหนดให้ว่าต้องมีอะไรเท่าไร

 

          การสมัคนั้น จะไปลงชื่อในสมุดสมัคที่มีไว้สำหรับโรงเรียน ให้ผู้รับรองเซ็นชื่อรับรองไว้เปนสำคัญก็ได้ หรือถ้าอยู่ไกลจะมีหนังสือไปขอให้อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนจดลงในสมุดสมัคให้ก็ได้ แต่ต้องทำใบรับรองที่มีไว้เปนตัวอย่างในท้ายสมุดนี้ โรงเรียนจะรับนักเรียนสมัคเข้าตามลำดับที่ได้มาขอเซ็นสมัคไว้ แต่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตไว้ว่า บุตร์กรรมการก็ดี หรือต่อไปหากนักเรียนเก่าของโรงเรียนนี้จะมีบุตร์ขอสมัคเข้าเปนนักเรียนก็ดี ให้ได้เลือกรับเข้าตามลำดับก่อนผู้อื่น
 
 

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์อย่างอยู่บ้าน
ประทับฉายพระบรมฉายาลักษณ์พร้อม "ย่าเหล" สุนัขทรงเลี้ยง


 
เครื่องแต่งตัวนักเรียน

 

          นักเรียนในโรงเรียนมหาดเล็กหลวงได้รับพระบรมราชานุญาตให้ใช้เครื่องแต่งตัวอย่างนักเรียนมหาดเล็กได้ทุกคน ตามพระราชกำหนดเครื่องตัวข้าราชการพลเรือนในพระราชสำนัก  []  ซึ่งออกประกาศราชกิจจาเมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ร.ศ. ๑๒๙ และจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้เปนตัว อย่างคนละสำรับ ต่อนั้นไปถ้าเปนนักเรียนสมัคก็ให้หาใช้ของตัวเองได้ แต่เมื่อออกจากโรงเรียนมหาดเล็กหลวงแล้ว จะใช้เครื่องแต่งตัวนี้ต่อไปอีกไม่ได้ เว้นไว้แต่ได้รับพระบรมราชานุญาตพิเศษ เวลานักเรียนอยู่ในโรงเรียนตามปรกติแต่งตัวนุ่งผ้าสรวมเสื้อตามธรรมดา []  เมื่อออกจากบริเวณโรงเรียนหรือเมื่อมีงานการในโรงเรียน จึงแต่งเครื่องแต่งตัวนักเรียนมหาดเล็ก

 

 

บาญชีสิ่งของที่นักเรียนต้องหาไปสำหรับทุกคน

  ๑ เสื้อขาวชั้นนอก []

  ๖ ตัว

  ๒ เสื้อผ้าสีเทาอย่างซูตติงตามตัวอย่างของโรงเรียน []

  ๒ ตัว

  ๓ ผ้าพื้น

  ๖ ผืน

  ๔ กางเกงขาสั้นสีน้ำเงินสำหรับสนาม [] ตามตัวอย่างของโรงเรียน

  ๒ ตัว

  ๕ กางเกงไทย

  ๖ ตัว

  ๖ เสื้อชั้นใน [๑๐]

๑๒ ตัว

  ๗ ผ้าเช็ดหน้า

๑๒ ผืน

  ๘ ถุงเท้าขาวและดำอย่างละ

  ๖ คู

  ๙ รองเท้าดำ

  ๑ คู่

๑๐ รองเท้าขาว (ถ้าเปนเด็กใหญ่ให้เปนรองเท้ายาง ๑ คู่)

  ๒ คู่

๑๑ หมวกสักหลาด หรือหมวกแกปก็ได้

  ๑ ใบ

๑๒ ผ้าเช็ดหน้าขน

  ๒ ผืน

๑๓ ผ้าอาบน้ำ (เด็กเล็กไม่ต้องมี)

  ๑ ผืน

๑๔ ผ้าห่มนอน

  ๑ ผืน

๑๕ หวี

  ๑ เล่ม

๑๖ แปรงสีฟัน

  ๒ อัน

๑๗ หีบหรือกระเป๋าหนังสำหรับบรรจุสิ่งของเหล่านี้

  ๑ ใบ

 

(จบระเบียบการโรงเรียนมหาดเล็กหลวงฯ เพียงนี้)

 

 

          อนึ่ง ระเบียบการโรงเรียนมหาดเล็กหลวงฉบับนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทอดพระเนตรรายละเอียดทั้งหมดแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยมีพระยาไพศาลศิลปสาตร (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เป็นผู้รับพระบรมราชโองการมาออกประกาศ จึงอาจกล่าวได้ว่า ระเบียบการโรงเรียนมหาดเล็กหลวงฉบับนี้เป็นกฎหมายในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชฉบับ หนึ่งซึ่งการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต้องกระทำโดยพระบรมราชโองการ และเมื่อทอดพระเนตรระเบียบการข้างต้นนั้น ได้มีพระบรมราชวินิจฉัยให้แก้ไขความบางตอนในต้นร่างที่พระยาไพศาลศิลปสาตร กรรมการอำนวยการโรงเรียนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย คือ

 

          “ระเบียบการนั้นดีแล้ว แต่ขอแก้คำบ้าง คือคำเรียกเทอมว่า "เทอมวิสาขบูชา" กับ "เทอมมาฆบูชา" ทั้ง ๒ นี้ ถ้าตัด "บูชา" ออกเสียจะกะทัดรัดกว่า และ "สาขะ" กับ "มาฆะ" ก็เปนคำที่คนโดยมากเรียกชื่อการบูชาทั้ง ๒ อย่างนั้นอยู่แล้ว คงจะเปนที่เข้าใจกันดี กับกางเกงชนิดที่เรียกไว้ว่า "กางเกงจีน" นั้น อยากให้แก้เรียกว่า "กางเกงไทย" เรื่องชื่อกางเกงนี้ ได้โจทย์กันขึ้นเมื่อไปทเลคราวที่แล้วมานี้เอง เวลานั้นฃ้ากำลังแค้นเจ๊กด้วยเรื่องต่างๆ จึ่งกล่าวติเตียนอยู่ มีใครก็จำไม่ได้กล่าวขึ้นว่าไทยเราควรจะฃอบใจเจ๊กอยู่อย่าง ๑ ที่เราได้เอากางเกงของเฃามาใช้นุ่งเปนของสบายนัก ฃ้าจึ่งตอบว่าในโบราณกาลจะเปนมาแล้วอย่างไรไม่ทราบ บางทีไทยจะได้จำอย่างกางเกงมาจากจีนจริง แต่ไทยเราได้เคยนุ่งกางเกงมาช้านานแล้ว เมื่อเขมรมาเปนนาย บังคับให้ไทยนุ่งผ่า ยังนุ่งกางเกงเฃ้าไปอีกชั้น ๑ ดังปรากฏอยู่ในเครื่องต้นและเครื่องละครจนทุกวันนี้ และในปัตยุบันนี้กางเกงที่เรียกกันว่า "กางเกงจีน" นั้น ฃ้าไม่เห็นเจ๊กใช้เลย เห็นแต่คนไทยนุ่ง กางเกงที่เจ๊กใช้เห็นฃาแคบๆ ทั้งนั้น เพราะเมืองเฃาหนาวนุ่งกางเกงอย่างเราๆ นุ่งกันทนไม่ได้ ฃ้าจึ่งเห็นว่ากางเกงที่พวกเราๆ ใช้นุ่งกันอยู่กับบ้านควรจะเรียกว่า "กางเกงไทย" มากกว่า "กางเกงจีน" กรมหลวงดำรงรับรองและยังมีคำอธิบายอีกชั้น ๑ ว่า "กางเกงไทยคือกางเกงที่ถลกฃาขึ้นถ่ายปัสสาวะได้" ซึ่งเปนเดฟินิชั่นที่ตลกๆ แต่ก็ตรงอยู่"  [๑๑]

 

          นอกจากนั้นในระเบียบการข้างต้นยังได้กล่าวถึงถุงเท้าขาวและดำ กับรองเท้าขาวและดำ ซึ่งสมควรบันทึกไว้เป็นความรู้เพิ่มเติมว่า มีธรรมเนียมในพระราชสำนักตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมาจนถึงปัจจุบันกำหนดไว้ว่า เมื่อสวมถุงเท้าขาวให้ใช้รองเท้าหรือรองเท้าดำ แต่ถ้าสวมถุงเท้าดำให้ใช้เฉพาะรองเท้าดำเท่านั้น นอกจากนั้นเมื่อสวมถุงเท้าต้องใส่รองเท้าเสมอ และจะไม่ถอดรองเท้าไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น แต่ถ้าไม่สวมถุงเท้าก็จะไม่ใส่รองเท้าเลย

 

 
 

 

[ ]  เวลา ๖.๐๐ น.

[ ]  เวลา ๑๘.๓๐ น.

[ ]  เวลา ๒๑.๐๐ น.

[ ]  เวลา ๒๑.๓๐ น.

[ ]  พระราชกำหนดเครื่องแต่งตัวข้าราชการพลเรือนในพระราชสำนักนิ์ รัตนโกสินทรศก ๑๒๙ กำหนดเครื่องแต่งตัวอย่างนักเรียนมหาดเล็กไว้ดังนี

               “มาตรา ๖ เครื่องแต่งตัวนักเรียนมหาดเล็กแลมหาดเล็กนักเรียน

               ข้อ ๑ มีหมวกแก๊ปทรงหม้อตาลสีน้ำเงิน กระบังน่าหนังดำ มีสายรัดคางหนังดำ แลมีตราวชิราวุธกับมงกุฎติดที่น่าหมวก

               ข้อ ๒ มีเสื้อผ้าขาวรูปแบบราชการ มีดุมเงินตามมงกุฎ มีแผ่นกำมะหยี่สำหรับติดคอเสื้อ ดังกล่าวแล้วในมาตรา ๔ ข้อ ๑ แต่มีแถบเงินกว้าง ๑ เซนติเมเตอร์ พาดกลางแผ่นกำมะหยี

               ข้อ ๓ มีผ้านุ่งไหมสีน้ำเงิน

               ข้อ ๔ มีกางเกง ๒ อย่าง อย่างที่หนึ่ง กางเกงขาสั้นผ้าสีน้ำเงิน อย่างที่สอง กางเกงขายาวสักหลาดสีน้ำเงินมีแถบสีขาวกว้าง ๑ เซนติเมเตอร์ติดที่ขากางเกง

               ข้อ ๕ มีถุงเท้า รองเท้าดังกล่สวแล้วในมาตรา ๔ ข้อ ๓

          นักเรียนมหาดเล็กแลมหาดเล็กนักเรียนจะแต่งตัวได้เต็มตามพระราชกำหนดนี้ หรือจะลดจากพระราชกำหนดนี้ เพียงใดในเวลาใด แล้วแต่จางวางมหาดเล็กผู้บังคับบัญชาจะเห็นสมควร”

[ ]  คือนุ่งผ้าพื้นสีน้ำเงิน สวมเสื้อชั้นในคอกลมสีขาว

[ ]  หมายถึงเสื้อเชิ้ต

[ ]  หมายถึง เสื้อเชิ้ตคอพับแบบที่เรียกกันว่า "เสื้อคอโปโล" แขนยาวสีเทา หรือที่เรียกกันในสมัยนั้นว่า "เสื้อทรงกระสอบ" มีดุมกลัดที่คอและอกเสื้อรวม ๓ ดุม

[ ]  เป็นกางเกงขาพองยาวลงมาถึงใต้หัวเข่า แล้วรวบชายขากางไว้ที่ใต้หัวเข่า เหมือนกางเกงทหารในสมัยนั้น

[ ๑๐คือเสื้อกลม ผ่าอกมีดุมกลัด ๑ ดุม

[ ๑๑ ]  หอจดหมายเหตุแห่งชาติ ร.๖ ศ.๔/๕๙ เรื่องโรงเรียนมหาดเล็กหลวง (๑ มกราคม ๒๔๕๓ - ๒๐ ธันวาคม ๒๔๖๗)

 

 

 

  |    |    |    |    |    |    |    |    |  ๑๐  |  ถัดไป  |

บทความปัจจุบัน | บทความย้อนหลัง : ตอนที่ ๑ - ๒๐ | ๒๑ - ๔๐ | ๔๑ - ๖๐ | ๑ - | ๑ - ๑๐ | ๐๑ - ๑๒ | ๒๑ - ๑๔ |

| ๑๔๑ - ๑๕๙ |